เนื่องจากมีการกำหนดจัดงานโตเกียวโอลิมปิก 2020 ขึ้น จึงมีการรายงานเกี่ยวกับค่าที่ดินในโตเกียวที่สูงขึ้น 30% ในระหว่างช่วงปี 2014-2016
ราคาที่ดินที่สูงขึ้น 30% นั้นนับว่าค่อนข้างสูงมากทีเดียว แต่เมื่อเทียบกับเมืองหลักใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ อสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นนั้นจะให้กำไรที่สูงกว่า จากการรายงานของ “Global Property Guide” กำไรรวมโดยเฉลี่ยของฮ่องกงอยู่ที่ 2.57% ไต้หวัน 1.57% สิงคโปร์ 2.83% ปารีส 2.89% ลอนดอน 3.21% ซึ่งไม่ว่าจะที่ใดสถานะทางกำไรก็อยู่ต่ำกว่าโตเกียว 3.43% นอกจากนี้ ก็ยังสามารถคาดหวังผลกำไรได้ทั้งจากเขตเมืองฝั่งคันไซอย่างโอซาก้าด้วย
โอซาก้านั้นเป็นเมืองเศรษฐกิจชั้นแนวหน้าในประเทศรองจากโตเกียว มีอัตราส่วนกำไรที่สูงในเชิงสัมพันธ์กัน ซึ่งดูเหมือนนักลงทุนที่คิดว่าโอซาก้าคือเมืองที่ควรลงทุนต่อจากโตเกียวก็มีอยู่มากด้วย จากราคาที่ดินที่ประกาศในวันที่ 21 มีนาคม 2017 จากกระทรวงที่ดิน ระบบโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism: MLIT) (ข้อมูลปัจจุบันของวันที่ 1 มกราคม 2017) นั้นจะเห็นได้ว่าราคาที่ดินในเขตโอซาก้าจะลอยสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอัตราของราคาที่ลอยสูงขึ้นในเขตพื้นที่พาณิชย์นั้น โอซาก้ายึดครองลำดับที่ 5 จากทั่วประเทศ
ในปัจจุบัน การฟื้นฟูเมืองโอซาก้านั้นกำลังก้าวหน้าไปอย่างแข็งขัน ซึ่งเริ่มจากการปรับแต่งสถานีรถไฟ JR Osaka ในปี 2011 (Osaka Station City) และมีการคาดการณ์ว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปความต้องการของผู้ที่ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยก็จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากแผนสร้างเมืองอันมีเสน่ห์และแผนการพัฒนาเมืองใหญ่ เช่น การกำหนดเปิดสายรถไฟใต้ดินนะนิวะซุจิในปี 2031 และการประกาศวิสัยทัศน์ในการพัฒนาซ้ำสองในระยะยาวจนถึงปี 2025 จากบริษัท Hankyu Hanshin Holdings
ยิ่งไปกว่านั้น ในปัจจุบันความต้องการอสังหาริมทรัพย์ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอันเนื่องมาจากจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือนญี่ปุ่น จากการสำรวจของกรมการท่องเที่ยวโอซาก้านั้น นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาโอซาก้าในปี 2016 ได้เพิ่มจำนวนขึ้น 31% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโดยมีจำนวนสูงสุดตั้งแต่อดีตประมาณ 9,410,000 คน และจาก “การจัดอันดับจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวทั่วโลกในปี 2017” ที่ประกาศเมื่อปลายเดือนกันยายนโดยบริษัทบัตรเครดิตอเมริกัน มาสเตอร์ การ์ด ระบุว่าโอซาก้าได้อันดับ 1 จากเมืองใหญ่ ๆ แต่ละแห่ง เช่น โตเกียว จีนและเกาหลีใต้ ซึ่งยึดครองตำแหน่งต้น ๆ ของเอเซียจาก “การจัดอันดับจุดหมายปลายทางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว” โดยเทียบกับอัตราการเจริญเติบโตของจำนวนของนักท่องเที่ยว
ละแวกย่านโดตมโบะริ (Dotonbori) หรือชินไซบะชิ (Shisaibashi) แม้จะเป็นวันธรรมดาก็มักจะคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ซึ่งในบรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือนโอซาก้านั้น จะต้องมีผู้ที่คิด ”อยากจะลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่โอซาก้าอยู่เป็นแน่” เมื่อได้เห็นความครึกครื้นของเมือง ซึ่งว่ากันว่า
จุดประสงค์ในการเดินทางมาประเทศญี่ปุ่นในครั้งถัดไปนั้นก็จะมีนักลงทุนมาตระเวนดูอสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุนอยู่จำนวนมากด้วย
นอกจากที่โอซาก้าแล้ว ก็ดูเหมือนว่านักลงทุนจะสนใจพื้นที่อื่น ๆ ด้วย อย่างเช่น นาโกย่า ซัปโปโรและฟุกุโอะกะ ฯลฯ ซึ่งแม้ว่าจะมีเหตุผลหนึ่งเนื่องมาจากการไม่สามารถหาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในโตเกียวได้ แต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่เป็นเพราะเมืองใจกลางของแต่ละภูมิภาคเองก็มีแนวโน้มที่สภาพเศรษฐกิจจะฟื้นตัว และมีเบื้องหลังอยู่ที่การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถหวังผลกำไรได้นั่นเอง
นอกจากนี้ สำหรับฮอกไกโดก็ไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนในซัปโปโรเท่านั้น แต่อสังหาริมทรัพย์ในเขตรีสอร์ท อย่างเช่น นิเซะโกะ ก็ได้รับความนิยมเป็นพิเศษจากเหล่าชนชั้นมั่งคั่งจากประเทศไทย จีน และออสเตรเลียด้วย ด้วยเหตุนี้ ความต้องการของนักลงทุนจากต่างชาติและนักลงทุนในญี่ปุ่นก็จะซ้อนทับกันเมื่อจะทำการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคิดได้ว่าจะได้ผลประโยชน์จากการเลือกเขตพื้นที่ที่เหมาะสม
